วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพื่อนรักวัยเด็ก



นานๆ ได้มีโอกาสถีบจักรยานเที่ยวชมท้องทุ่งนาสีเขียวชอุ่มสดใส เห็นต้นกล้า ที่
กำลังโตสีเขียวผืนใหญ่ มีกลุ่มบ้านที่ออกแบบทันสมัยเรียงรายอยู่ริมถนนห่าง บ้างถี่บ้าง ฉันหยุดจักรยานที่ใต้ต้นกระทุ่มใหญ่ริมถนนเล็กๆแคบๆ ที่ชาวนาใช้เป็นทางเดินเพื่อไปหว่านปุ๋ยหรือดูข้าวซึ่งเป็นถนนที่จัดรูปที่ดินทำไว้ ฉันนั่งลงและถอนหายใจนึกถึงความเปลี่ยนแปลง ที่ผิดจากเมื่อฉันยังเด็กอายุประมาณ 8 ขวบเหลือเกิน ภาพนั้นยังจำอยู่ในสมองมิลืมมันเป็นท้องทุ่งนาที่ก้วางใหญ่มองสุดลูกตาทีเดียว ในท้องทุ่งจะมีต้นไม้ยืนต้นใหญ่และใบหนา เช่น ทองกวาว กระทุ่ม จามจุรีขึ้นอยู่ตามทุ่งนาห่างๆ กัน ร่มรื่นยิ่งนัก เพราะชาวนาจะปลูกไว้เพื่อเป็นร่มเงา และมีกระท่อมเป็นเพลิงไว้พักผ่อนอีกด้วย ภายในทุ่งนาจะเห็นเจ้าทุย(ควาย) ที่เจ้าของปล่อยแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วไป ลมเย็นเย็น พัดมาปะทะใบหน้ารู้สึกถึงความสดชื่นทำให้ฉันยิ้มออกมา ความทรงจำที่มีแต่ความสุขของฉันกลับมาอีกครั้งฉันหลับตาลง ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงที่นั่งเล่นหลุมเมืองอยู่ในทุ่งนาใต้ต้นกะทุ่มใหญ่ใบหนา และมีเด็กชายและหญิงซึ่งเป็นรุ่นพี่อีก สองคนที่นั่งเล่นอยู่ด้วยกัน เด็กหญิงร้องด้วยความดีใจ “เฮ้ ชนะแล้ว” ทั้งสามเลิกเล่น เพราะมีเสียงเดินสวบสาบ และหยุดอยู่ข้างหลังเด็กหญิง ทุกคนหันไปมอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ งั้ว....ง่า......งั้ว....ง่า” ควายตัวผู้สีดำตัวใหญ่แข็งแรง เขาตู้ของมันที่โค้งงอเข้าหาตัวเองดูสวยงามมาก มันยืนแหงนหน้าเชิดขึ้นดูสง่างามยิ่งนัก ถ้าเป็นคนคิดว่ามันจัดว่าหล่อทีเดียว เสียงเด็กหญิงร้อง “อ้าว !ไอ้ตู้ทำไมมีแกตัวเดียวล่ะ ไอ้งอนไปไหน” ที่จริงมีควายอยู่ 4 ตัว แต่ตอนนี้มันหายไป เหลือเพียงไอ้ตู้ และเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือ ตัวฉันนั่นเอง ไอ้งอนก็เป็นควายของฉันอีกตัวหนึ่ง เด็กชายและหญิงซึ่งนั่งเล่นกับฉัน พากันวิ่งหาควายของตนซึ่งมองเห็นอยู่ริบ ๆ ส่วนฉันปีนเขาเจ้าตู้ ขึ้นนั่งบนหลังและสั่งให้มันเดินไปตามเจ้างอน ตะวันใกล้ตกดินแล้วอากาศเริ่มซึมเซา แสงสลัวลง ทุกที ฉันร้องไห้ บ่นเจ้าตู้ “ทำไมแกไม่เตือนตั้งแต่แรก พ่อรู้ต้องถูกตีแน่ๆ” ฉันตัดสินใจดึงเจ้าตู้หันหลังกลับบ้านเพื่อไปบอกพ่อ ถูกตีดีกว่าควายหาย พ่อรู้เรื่องไม่พูดสักคำรีบเอาปืนเหน็บกระเป๋าและ ออกไปกับลุงและอาผู้ชายอีกคน และกลับมาพร้อมกับเจ้างอน ได้ความว่า เจ้างอนมันตามควายตัวเมียไปถึงลำคลอง บังเอิญ คนแถวนั้นรู้จักพ่อและเป็นลูกพี่น้องกัน
นี่คือความทรงจำส่วนหนึ่งที่ฉันนึกถึงที่ไรก็ทำให้ฉันมีความสุขมีความอบอุ่นอยากกลับเป็นเด็กเหมือนเดิม มารู้จักไอ้ตู้กันหน่อย ไอ้ตู้เป็นควายเขาตู้ตัวใหญ่มีขวัญ 9 แห่ง มันแข็งแรงมาก มันมาอยู่กับครอบครัวฉันช่วยทำงานก็คงประมาณ เกือบ 10 ปี มันพิเศษกว่าควายที่เคยเลี้ยงคือ มันอดทนไม่ดื้อรั้น แม้ว่าพ่อจะให้มันไถนาจนครึ่งค่อนวันมันก็ไม่แสดงอาการฮึดฮัดสะบัดหัวหาง และไม่ต้องคอยดูแล เพราะเมื่อมันหากินอิ่มก็จะเดินกลับบ้านเข้าคอกเอง ใช่มันเป็นเพื่อนคนแรกที่ดีกับฉัน ไม่เคยรังแก ไม่เคยโต้เถียง ไม่เคยทำร้ายถึงฉันจะขึ้นหัวเล่นหางอย่างไรมันก็ไม่เคยโกรธ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันขี่มันเล่นเพลิน ๆคิดว่าคงเผลอหลับตกจากหลังมันและเท้าของมันเหยียบบนหลังเท้าของฉัน ฉันร้องเสียงดัง และพูดว่า “ยก ยก” มันคงไม่รู้ว่าเป็นขาข้างไหน เพราะมันยกขาแล้วฉันก็ยังร้องต่ออีก มันจึงยกทุกขา ฉันเจ็บแต่ก็อดขำในความแสนรู้ของมันไม่ได้ มันเหลียวดูฉันแวบหนึ่งเห็นว่าฉันลุกเดินได้แล้วมันก็เล็มหญ้าต่อ บังเอิญดินตรงนั้นมันเปียกและเป็นที่นาจึงอ่อนฉันจึงไม่เป็นอะไร ฉันทำหน้าที่เลี้ยงมัน เราทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันพากันไปลงเล่นน้ำ ฉันก็จะขี่คอมันไม่ว่าจะลึกแค่ไหนมันก็พาฉันว่ายน้ำข้ามได้ ฉันชอบตาของเจ้าตู้มากตามันสวยงามมาก สายตาของมันแสดงให้เห็นถึงความซื่อ ใจดีและไม่มีพิษภัย ฉันเคยดื้อและถูกแม่ตีเดินร้องให้ไปหามัน เหมือนมันรู้สึกอยากปลอบฉันเพราะมันยื่นปากมาเลียที่มือฉัน รู้สึกว่าตอนนั้นฉันรู้สึกดีขึ้นทันที หลังเลิกเรียนทุกวันเราทั้งสองไปเที่ยวเล่นชมในทุ่งนาที่กว้างใหญ่มองเห็นภูเขาสวยงามราวกับภาพวาดสัมผัส อากาศที่แสนสดชื่น คนหนึ่งนั่งเล่นหลุมเมืองบ้าง หมากเขย่งบ้าง กับเพื่อนๆ ตัวหนึ่งเล็มหญ้าอ่อนที่ขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวอย่างเพลิดเพลิดกับนกเอี้ยงซึ่งเกาะกินแมลงอยู่บนหลังของมันด้วยกันทุกวันและแล้วความสุขของฉันเพื่อนรักของฉันก็......ในโลกนี้ไม่มีตัวกูของกู..นี่คือสัจจะธรรม วันนี้ก็มาถึง ฉันรู้สึกเหมือนถูกแย่งของรักที่สุดไป มีคนมาหาพ่อที่บ้านเจรจากันอยู่นาน สักพักพ่อก็จูงเจ้าตู้ไปให้เขา สันชาติยานทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าพ่อขายเจ้าตู้ให้เขาไปเสียแล้ว ฉันร้องไห้วิ่งไปเกาะขาพ่อ พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าพ่อด้วยสายตาวิงวอน ...พ่อบอกฉัน และจะหาควายตัวใหม่มาให้ ฉันขอร้องพ่อ ให้ฉันได้กอดมันเป็นครั้งสุดท้าย ...ฉันกอดคอเจ้าตู้ เห็นน้ำตาของมันที่ไหลออกมาเท่า ๆ กับฉันเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเสียใจและน้อยใจพ่อมากตั้งแต่จำความได้ เจ้าตู้ปล่อยให้เจ้าของใหม่ขี่มันอย่างว่าง่ายและเดินจากฉันโปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น