วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพื่อนรักวัยเด็ก



นานๆ ได้มีโอกาสถีบจักรยานเที่ยวชมท้องทุ่งนาสีเขียวชอุ่มสดใส เห็นต้นกล้า ที่
กำลังโตสีเขียวผืนใหญ่ มีกลุ่มบ้านที่ออกแบบทันสมัยเรียงรายอยู่ริมถนนห่าง บ้างถี่บ้าง ฉันหยุดจักรยานที่ใต้ต้นกระทุ่มใหญ่ริมถนนเล็กๆแคบๆ ที่ชาวนาใช้เป็นทางเดินเพื่อไปหว่านปุ๋ยหรือดูข้าวซึ่งเป็นถนนที่จัดรูปที่ดินทำไว้ ฉันนั่งลงและถอนหายใจนึกถึงความเปลี่ยนแปลง ที่ผิดจากเมื่อฉันยังเด็กอายุประมาณ 8 ขวบเหลือเกิน ภาพนั้นยังจำอยู่ในสมองมิลืมมันเป็นท้องทุ่งนาที่ก้วางใหญ่มองสุดลูกตาทีเดียว ในท้องทุ่งจะมีต้นไม้ยืนต้นใหญ่และใบหนา เช่น ทองกวาว กระทุ่ม จามจุรีขึ้นอยู่ตามทุ่งนาห่างๆ กัน ร่มรื่นยิ่งนัก เพราะชาวนาจะปลูกไว้เพื่อเป็นร่มเงา และมีกระท่อมเป็นเพลิงไว้พักผ่อนอีกด้วย ภายในทุ่งนาจะเห็นเจ้าทุย(ควาย) ที่เจ้าของปล่อยแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วไป ลมเย็นเย็น พัดมาปะทะใบหน้ารู้สึกถึงความสดชื่นทำให้ฉันยิ้มออกมา ความทรงจำที่มีแต่ความสุขของฉันกลับมาอีกครั้งฉันหลับตาลง ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงที่นั่งเล่นหลุมเมืองอยู่ในทุ่งนาใต้ต้นกะทุ่มใหญ่ใบหนา และมีเด็กชายและหญิงซึ่งเป็นรุ่นพี่อีก สองคนที่นั่งเล่นอยู่ด้วยกัน เด็กหญิงร้องด้วยความดีใจ “เฮ้ ชนะแล้ว” ทั้งสามเลิกเล่น เพราะมีเสียงเดินสวบสาบ และหยุดอยู่ข้างหลังเด็กหญิง ทุกคนหันไปมอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ งั้ว....ง่า......งั้ว....ง่า” ควายตัวผู้สีดำตัวใหญ่แข็งแรง เขาตู้ของมันที่โค้งงอเข้าหาตัวเองดูสวยงามมาก มันยืนแหงนหน้าเชิดขึ้นดูสง่างามยิ่งนัก ถ้าเป็นคนคิดว่ามันจัดว่าหล่อทีเดียว เสียงเด็กหญิงร้อง “อ้าว !ไอ้ตู้ทำไมมีแกตัวเดียวล่ะ ไอ้งอนไปไหน” ที่จริงมีควายอยู่ 4 ตัว แต่ตอนนี้มันหายไป เหลือเพียงไอ้ตู้ และเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือ ตัวฉันนั่นเอง ไอ้งอนก็เป็นควายของฉันอีกตัวหนึ่ง เด็กชายและหญิงซึ่งนั่งเล่นกับฉัน พากันวิ่งหาควายของตนซึ่งมองเห็นอยู่ริบ ๆ ส่วนฉันปีนเขาเจ้าตู้ ขึ้นนั่งบนหลังและสั่งให้มันเดินไปตามเจ้างอน ตะวันใกล้ตกดินแล้วอากาศเริ่มซึมเซา แสงสลัวลง ทุกที ฉันร้องไห้ บ่นเจ้าตู้ “ทำไมแกไม่เตือนตั้งแต่แรก พ่อรู้ต้องถูกตีแน่ๆ” ฉันตัดสินใจดึงเจ้าตู้หันหลังกลับบ้านเพื่อไปบอกพ่อ ถูกตีดีกว่าควายหาย พ่อรู้เรื่องไม่พูดสักคำรีบเอาปืนเหน็บกระเป๋าและ ออกไปกับลุงและอาผู้ชายอีกคน และกลับมาพร้อมกับเจ้างอน ได้ความว่า เจ้างอนมันตามควายตัวเมียไปถึงลำคลอง บังเอิญ คนแถวนั้นรู้จักพ่อและเป็นลูกพี่น้องกัน
นี่คือความทรงจำส่วนหนึ่งที่ฉันนึกถึงที่ไรก็ทำให้ฉันมีความสุขมีความอบอุ่นอยากกลับเป็นเด็กเหมือนเดิม มารู้จักไอ้ตู้กันหน่อย ไอ้ตู้เป็นควายเขาตู้ตัวใหญ่มีขวัญ 9 แห่ง มันแข็งแรงมาก มันมาอยู่กับครอบครัวฉันช่วยทำงานก็คงประมาณ เกือบ 10 ปี มันพิเศษกว่าควายที่เคยเลี้ยงคือ มันอดทนไม่ดื้อรั้น แม้ว่าพ่อจะให้มันไถนาจนครึ่งค่อนวันมันก็ไม่แสดงอาการฮึดฮัดสะบัดหัวหาง และไม่ต้องคอยดูแล เพราะเมื่อมันหากินอิ่มก็จะเดินกลับบ้านเข้าคอกเอง ใช่มันเป็นเพื่อนคนแรกที่ดีกับฉัน ไม่เคยรังแก ไม่เคยโต้เถียง ไม่เคยทำร้ายถึงฉันจะขึ้นหัวเล่นหางอย่างไรมันก็ไม่เคยโกรธ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันขี่มันเล่นเพลิน ๆคิดว่าคงเผลอหลับตกจากหลังมันและเท้าของมันเหยียบบนหลังเท้าของฉัน ฉันร้องเสียงดัง และพูดว่า “ยก ยก” มันคงไม่รู้ว่าเป็นขาข้างไหน เพราะมันยกขาแล้วฉันก็ยังร้องต่ออีก มันจึงยกทุกขา ฉันเจ็บแต่ก็อดขำในความแสนรู้ของมันไม่ได้ มันเหลียวดูฉันแวบหนึ่งเห็นว่าฉันลุกเดินได้แล้วมันก็เล็มหญ้าต่อ บังเอิญดินตรงนั้นมันเปียกและเป็นที่นาจึงอ่อนฉันจึงไม่เป็นอะไร ฉันทำหน้าที่เลี้ยงมัน เราทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันพากันไปลงเล่นน้ำ ฉันก็จะขี่คอมันไม่ว่าจะลึกแค่ไหนมันก็พาฉันว่ายน้ำข้ามได้ ฉันชอบตาของเจ้าตู้มากตามันสวยงามมาก สายตาของมันแสดงให้เห็นถึงความซื่อ ใจดีและไม่มีพิษภัย ฉันเคยดื้อและถูกแม่ตีเดินร้องให้ไปหามัน เหมือนมันรู้สึกอยากปลอบฉันเพราะมันยื่นปากมาเลียที่มือฉัน รู้สึกว่าตอนนั้นฉันรู้สึกดีขึ้นทันที หลังเลิกเรียนทุกวันเราทั้งสองไปเที่ยวเล่นชมในทุ่งนาที่กว้างใหญ่มองเห็นภูเขาสวยงามราวกับภาพวาดสัมผัส อากาศที่แสนสดชื่น คนหนึ่งนั่งเล่นหลุมเมืองบ้าง หมากเขย่งบ้าง กับเพื่อนๆ ตัวหนึ่งเล็มหญ้าอ่อนที่ขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวอย่างเพลิดเพลิดกับนกเอี้ยงซึ่งเกาะกินแมลงอยู่บนหลังของมันด้วยกันทุกวันและแล้วความสุขของฉันเพื่อนรักของฉันก็......ในโลกนี้ไม่มีตัวกูของกู..นี่คือสัจจะธรรม วันนี้ก็มาถึง ฉันรู้สึกเหมือนถูกแย่งของรักที่สุดไป มีคนมาหาพ่อที่บ้านเจรจากันอยู่นาน สักพักพ่อก็จูงเจ้าตู้ไปให้เขา สันชาติยานทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าพ่อขายเจ้าตู้ให้เขาไปเสียแล้ว ฉันร้องไห้วิ่งไปเกาะขาพ่อ พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าพ่อด้วยสายตาวิงวอน ...พ่อบอกฉัน และจะหาควายตัวใหม่มาให้ ฉันขอร้องพ่อ ให้ฉันได้กอดมันเป็นครั้งสุดท้าย ...ฉันกอดคอเจ้าตู้ เห็นน้ำตาของมันที่ไหลออกมาเท่า ๆ กับฉันเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเสียใจและน้อยใจพ่อมากตั้งแต่จำความได้ เจ้าตู้ปล่อยให้เจ้าของใหม่ขี่มันอย่างว่าง่ายและเดินจากฉันโปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีกเลย

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คนชอบแมวเชิญทางนี้



คุณชอบแมว คุณรู้จักแมวของคุณเพียงใดและจุดประสงค์ที่คุณต้องเลี้ยงมันเพราะอะไรและเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณต้องเลี้ยงและคลุกคลีอยู่กับแมวของคุณ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่ฉันนั่งตีขิมอยู่หน้าบ้าน ก็รู้สึกมีขนนิ่ม ๆผ่านขาและพิงอยู่บนเท้า ฉันก้มไปดูเพราะตกใจนิดหน่อยก็เห็นลูกแมวลายคล้ายเสือสีเทา จมูกสีน้ำตาลดำรอบๆปากมีริ้วขาวๆรอบๆปาก ดูเป็นจุดเด่น ดวงตาใสโตคู่นั้นมองมาที่ฉันพร้อมเสียงที่คราง เหมียว ๆเล็กแหลมเหมือนจะบอกว่า “ ฉันเหนื่อยและหิวเหลือเกิน กรุณาฉันด้วย”
ด้วยความที่ชอบแมวอยู่แล้วจึงอุ้มมันขึ้นมาลูบหัวอย่างเอ็นดู ฉันดูแลมันและหาทางให้มันได้กลับบ้านด้วยการถ่ายรูป ประกาศหาในละแวกใกล้เคียงและโพสทางเน็ต อยู่ 7 วัน สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว เจ้าแมวน้อยถูกทอดทิ้งเสียแล้ว นี่เป็นจุดเริ่มของคนชอบแมวอย่างฉัน ฉันจำใจเลี้ยง เจ้านำโชคแมวน้อยเพราะความสงสาร นำโชคเป็นชื่อที่ตั้งเพื่อเป็นสิริมงคลแก่คนเลี้ยงและตัวแมวด้วยเพราะคิดว่าการเลี้ยงแมวเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ฉันหารู้ไหมว่าความเปลี่ยนแปลงและสิ่งแปลกๆประหลาดได้เกิดขึ้นกับฉันแล้ว เจ้านำโชคนิสัยขี้เล่นมาก โอ มันชอบจิ้งจกมาก มันสามารถวิ่งกระโดดไต่ไปถึงเพดานห้องในเวลาเพียง 3 วินาทีเพื่อจับจิ้งจก สามารถมองจ้องสิ่งหนึ่งที่มันสนใจได้นานถึง 20 นาที แม้ว่าฉันจะแกล้งทำลายสมาธิด้วยการจับก้น มันก็ตาม มันไม่ชอบร้องแม้จะ ถูกหยอกเล่นเจ็บๆ หรือหิว และความสามารถทางการได้รับรู้เสียงของมัน เมื่อฉันขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านมันจะออกมาคอยทันที (เฉพาะรถของฉันเท่านั้น)และชอบขึ้นไปสำรวจภายในรถ และอีกเรื่องที่ฉันคิดว่าประหลาดมากคือ มันขับถ่ายในโถส้วมทุกครั้ง จนเพื่อนๆ ของฉันเห็นเข้าบอกว่า แปลก และน่ารักมาก
ครั้งหนึ่งมันได้แสดงอาการที่คนรักแมวน่าจะรู้ไว้ มันจะวิ่งเข้าห้องน้ำแซงฉันเข้าไปห้องน้ำเมื่อมันเห็นฉันเดินเข้าห้องน้ำ และเข้าไปนั่งปัสสาวะ(ฉี่) ฉันอดหัวเราะในความขี้เล่นของมันไม่ได้ มันทำอย่างนี้อยู่หลายวัน ที่จริงเจ้านำโชคที่น่าสงสารกำลังบอกว่า ฉันเป็นอะไรไม่รู้ปวดฉี่แต่ฉี่ไม่ออกต่างหากล่ะ เพราะมันเริ่มแสดงอาการเดินไม่ไหวและขาหลังไม่มีแรง จนสังเกตได้ ฉันรีบนำเจ้านำโชคไปหาหมอ คุณพระช่วย! หมอบอกว่ามันเป็นนิ่ว หากมาช้าอีกวันเดียวแมวคุณเป็นศพแน่ โอ ! ฉันพึ่งรู้ว่าแมวเป็นนิ่วเป็นแบบนี้เอง ฉันต้องดูแลเจ้านำโชคราวกับเป็นลูกรัก เพราะหมอได้สวนฉี่และต่อท่อให้ฉี่ไหลตลอดเวลา จนกว่ามันจะฉี่ใสจึงนำไปให้หมอเอาออกได้ ฉันเพิ่งรู้ว่าความรักความห่วงใยสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างไร ฉันเฝ้าคอยดูแลไม่ให้มันสลัดพลาสติกที่คอออกเพื่อป้องกันไม่ให้มันกัดท่อ และป้อนยาให้มันครบ 7 วัน ยังนึกรำพึงรำพันกับตัวเองว่า ความรักความสงสารแท้ ๆทำให้ฉันเหมือนคนบ้า เป็นขี้ข้าแมว เจ้านำโชค หายป่วยและกลับมาเป็นแมวที่น่ารักเหมือนเดิม มันจะมานอนกับฉันทุกคืนดูมันมีความสุขมาก ฉันก็มีความสุขที่ได้มองมันและเล่นกับมัน มันไม่เคยกางเล็บเวลาเล่นกัน(เหมือนเป็นการสั่งลา) มันเป็นแมวที่ตัวใหญ่และอ้วน มันกินเก่งและกินแต่อาหารเม็ด นี่แหละจึงเป็นสาเหตุให้ฉันต้องสูญเสียมันไปอย่างคาดไม่ถึง หลังจากที่มันหายจากนิ่วเพียง 2 เดือน ฉันได้นำมันไปฉีดวัคซีน จากนั้น 5 วันมันก็มีอาการซึม และวันต่อมามันก็มีอาการชัก เมื่อมันรู้สึกตัวมันก็กินอาหารอย่างหิวโหย จนฉันคิดว่า ไม่น่าเป็นอะไรมาก แต่สุดท้ายมันเป็นความผิดพลาด เพราะรุ่งเช้ามันก็ชักและนอนนิ่ง ฉันรีบนำมันไปหาหมออีกครั้ง มันไม่ดีขึ้นเลย หลังจากตรวจเลือดพบว่า เบาหวานขึ้น 200 ฉันนำมาไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ นำโชค ผู้น่าสงสาร ก็จากฉันไปในบ่ายวันนั้นเอง จงหลับเถิดลูกรัก ฉันต้องเสียใจอีกครั้ง พร้อมกับคำเตือนว่า ระวังให้ดี ถ้าคุณคิดจะเลี้ยงแมวคุณควรจะรู้นะว่าจะพบกับอะไรบ้าง

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ด้วยรักและผูกพัน

ความรักคือความเสียสละ ความห่วงใยและความผูกพัน แม้ความตายยังไม่สามารถตัดความรักได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ฉันได้ประสบกับตนเองที่ยากจะลืม.........เดือนเมษายนช่วงฤดูแห่งความร้อนบริเวณบ้านพักครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองโดน ลูกหมาน้อยขนยาวหูตูบสีดำมันเกิดมากับพี่น้องซึ่งมันไม่เหมือนใครฉันจึงตั้งชื่อให้มันว่า เจ้าหมี อันที่จริงเจ้าหมีก็เหมือนหมาทั่วไปแต่ที่แปลกว่าหมาตัวอื่นๆก็เห็นจะเป็นแววตาที่มันมองฉัน ดูสดใสและมีความหมายว่าฉันดีใจ สุขใจที่เห็นหน้าเธอนะ ความรู้สึกบอกฉันอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งนับวันเมื่อเจ้าหมีโตขึ้นก็ยิ่งมีกิริยาอาการประหลาด เมื่อมันมีอายุประมาณ 5 เดือน มันพบหน้าฉัน ขณะที่ฉันถืออาหารมาให้ มันจะดีใจมากโดยแสดงการแยกเขี้ยวจนเห็นฟันและเหงือกของมันทั้งหมดและมีเสียงครางอี๊ดๆออกจากปากของมัน พร้อมกันนั้นหางที่เป็นพวงและก้นของมันก็ส่ายไปมาเหมือนกับเต้น ระบำยังไงยังงั้นทีเดียว มันแสดงกิริยาอาการอย่างนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าฉันและทุกคนในบ้านเท่านั้น(ลักษณะอย่างนี้ฉันเรียกว่าหมายิ้มเต้นระบำ) เจ้าหมีติดฉันมากไม่ว่าฉันเดินไปไหนมันจะเดินตามหาจนเจอ และนอนหลับอยู่ใกล้ ๆ เว้นแต่ฉันออกไปนอกรั้วโรงเรียน มันเป็นหมาที่ไม่ค่อยเห่า ใจดีแต่ขี้กลัวและตกใจง่าย มันชอบคนที่สุภาพแต่งตัวเรียบร้อยโดยเฉพาะชุดนักเรียน แต่จะกลัวคนที่แต่งตัวลุ่มล่าม ใส่กางเกงขาสั้น ดังเช่นเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง มีครูชายคนหนึ่งแกแต่งตัวใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่และใส่หมวกไหมพรมแบบไอ้โม่งแถมแกยังใส่รองเท้ายางแบบบู๊ทอีก เดินเข้ามาหาฉันที่บ้านพัก เจ้าหมีมองเห็นแล้วถอยหลังกรูดเหมือนมันจะไปแอบ จึงไม่สนใจ ครูชายคนนั้นยืนคุยกับฉันอยู่สักครู่ เผลอ ๆมีเสียงร้องตกใจจากครูคนนั้น โอ้ย! เจ้าหมีแอบงับขาเขาเข้าแล้ว ฉัน ต้องขอโทษเขาอย่างมากมาย โชคดีที่มันกัดไม่เข้าเพราะว่า แกใส่กางเกงขายาวอย่างหนานับว่าเป็นโชคดีของมันและของฉันด้วย และ อีกครั้งหนึ่งในบริเวณโรงเรียน จะบอกว่าเจ้าหมีเป็นหมาโรงเรียนก็ว่าได้ มันจึงชอบเครื่องแบบนักเรียนยังไงล่ะ อ่ะ เล่าต่อ ในวันหนึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งใส่กางเกงขาสั้นเข้ามาเพื่อจะมาขออนุญาตกับฉันเพื่อ ไปธุระกับคุณพ่อเขา เจ้าหมีเห็นยืนมองอยู่นาน แต่เด็กคนนี้คุ้นเคยกับมันดีจึงเดินเฉียดไปใกล้ ๆ เจ้าหมี เจ้าหมี งับขาทันที คราวนี้ถึงถลอกเลือดซิบเลย ฉันโมโหมันมาก พูดดุมันเสียงดัง เหมือนมันจะรู้นะ มันมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจและค่อยๆเดินหางตกหลบไป ฉันต้องปลอบเด็กคนนั้นเป็นการใหญ่ และขอโทษขอโพยคุณพ่อเขา เคราะห์ ดีที่คุณพ่อเขาเข้าใจ หลังจากนั้นมา ฉันต้องระวังมันมากขึ้น เจ้าหมีมักจะตามฉันไปโรงเรียนทุกวันไม่ว่าจะเดินไปไหนมันจะตามไปและก็จะนอนเฝ้า บางทีก็หลับไป ฉันจะเดินไปสอนนักเรียนตามชั้นต่าง ๆ เมื่อมันตื่นไม่เห็นฉันมันก็จะเดินตามหาฉันตามห้องที่ฉันเคยไปสอนเท่านั้น นี่ก็แปลกเหมือนกัน เมื่อพบครูคนอื่น เขาก็จะทักมันว่า” หาแม่ไม่เจอซิ โน่นเขาอยู่ห้องโน้น” จนเป็นที่ล้อเลียนว่าฉันมีลูกเป็นหมา เมื่อมันพบฉันมันก็จะแสดงท่าดีใจคือยิ้มและเต้นระบำส่ายก้นและหางไปมา จนครูที่เขาพบเห็นยังบอกว่าแปลกน่าจะพาไปออกทีวี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะเจ้าหมีกลัวที่จะออกนอกบ้านมาก มันตามฉันไปทุกที่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้นถ้าออกนอกเขตมันจะไม่ยอมเด็ดขาดมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันอยากพามันไปเที่ยวด้วย พยายามจับให้มันขึ้นมอเตอร์ไซด์ เมื่อรถวิ่งมาถึงหน้าประตูโรงเรียนมันก็โดดลงและวิ่งกลับบ้านทันที และเรื่องราวของเจ้าหมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากไปไหนอีกเลยก็คือ ฉันและครอบครัวไปเที่ยวทะเลกัน 2 วัน 2 คืน ทิ้งให้เจ้าหมีอยู่เฝ้าบ้านโดยฝากให้ภารโรงซื้ออาหารให้มันกิน เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูโรงเรียนฉันเห็นเจ้าหมีมาคอยรับอยู่มันดีใจส่งยิ้มและเต้นระบำกระโดดกอดอย่างไม่หยุดทีเดียว สายตาที่มองนั้นราวกับจะถามว่า”ไปไหนมานานจัง ฉันคิดถึงมากรู้ไหม” ภารโรงได้เล่าให้ฉันฟังถึงพฤติกรรมเจ้าหมีว่า ตั้งแต่วันที่ฉันไปเที่ยวเจ้าหมีไม่ยอมกินอาหารเลยมันออกมานอนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่เช้ามองดูรถคันแล้วคันเล่าจนกระทั่งเย็นมันก็เดินกลับมานอนที่บ้านและเช้าก็ออกไปนอนคอยใหม่ตลอด 2 วัน เขาบอกกับฉันว่า “ครูอย่าไปไหนหลายวันเลยเห็นแล้วสงลารและสมเพชมันมาก” ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวฉันก็ไม่ได้ไปไหนพร้อมกันเลยเพราะเป็นห่วงเจ้าหมีนี่แหละ และเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นช่วงที่ฉันจะจดจำอย่างไม่มี วันลืม
เจ้าหมีจะมีเพื่อนอยู่ตัวหนึ่งชื่อเจ้ามิ่งและมันจะเล่นกันเสมอ ฉันได้ย้ายจากบ้านพักในโรงเรียนมาปลูกบ้านอยู่ข้างนอก และเจ้าหมีก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นอายุมันก็ปาเข้าไป 14 ปีแล้ว จัดว่าเป็นหมาแก่เพราะฟันที่มันยิ้มให้เห็นก็หักหลายซี่แถมสายตาก็ไม่ดีแล้วสังเกตว่ามันเดินชนโน่น นี่เป็นประจำ เจ้าหมีไม่ได้ตามฉันไปโรงเรียนเพราะสังขารของมันแต่มันก็ะมีเพื่อนคือเจ้ามิ่งที่หนีจากโรงเรียนมาเล่นด้วยเสมอ และแล้ว วันหนึ่งถึงคราที่ฉันจะต้องสูญเสียมันไป ขณะที่ฉันกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหมา เจ้าหมี! ฉันอุทานและวิ่งออกมาดูที่นอกบ้าน เห็นเจ้าหมีนอนอยู่กลางถนนเจ้ามิ่งยังยืนอยู่ใกล้ๆ ฉันอุ้มเจ้าหมีเข้ามาในบ้าน มันหายใจ ขาดเป็นช่วง ๆไม่มีบาดแผลแต่รถมันคงทับกลางตัวมันเพราะมันมองไม่เห็นรถนั่น โธ่เอ๋ย! เจ้าหมีที่น่าสงสาร ฉันลูบไล้หัวมันเหมือนมันจะรับรู้ในสัมผัสนั้น มันร้องโหยหวนอีกครั้ง เหมือนกับจะบอกว่า” ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันรักเธอนะ ขอลาก่อน” และลมหายใจสุดท้ายก็หมดลง ฉันบอกกับมันว่าไปเถอะนะ หลับเถอะและขอให้แกไปเกิดเป็นคน และมีชีวิตที่ดีกว่านี้ พรุ่งนี้ฉันจะทำบุญให้และครอบครัวฉันก็นำมันไปฝัง รุ่งเช้าฉันก็ทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้มันและแล้วเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น
ฉันไปสอนหนังสือตามปกติ แต่เห็นเจ้ามิ่งหมาภารโรงมันเดินตาม ฉันไปสอนห้องไหนมันก็เดินตาม จนฉันแปลกใจ จึงได้พูดกับมันว่า “เจ้ามิ่ง แกเดินตามฉันทำไมฮะ” ให้ตายซิสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากก็คือสายตาของเจ้ามิ่งที่มองฉันนั้น สายตานั้นมันเหมือนเจ้าหมี และที่ทำให้ฉันตื่นเต้นที่สุดก็คือมันยิ้ม มันยิ้มได้ และทำกิริยาเหมือนเจ้าหมี ฉันขนลุกไปหมดฉันเดินไปหาเพื่อนครูและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ขณะที่เจ้ามิ่งยังเดินตามฉันอยู่ ฉันหันมาหาเจ้ามิ่งอีกครั้งมันยังส่งยิ้มให้ฉันอีกครั้ง ฉันบอกกับเพื่อนครูคนนั้นว่า “วิญญาณเจ้าหมีเข้าสิงเจ้ามิ่งแน่นอน เพื่อนยังบอกว่าเป็นไปได้เขาหัวเราะด้วยความแปลกใจ แต่เจ้ามิ่งก็ทำกริยาเดินตามฉัน เพียง 3 วันเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวฉันเองที่ฉันไม่เคยลืม บทสรุปนี้ฉันคิดเอาเองว่าความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นได้กับสิ่งมีชีวิตถึงแม้เป็นหมาความรักความผูกพันนั้นก็สามารถแสดงพลังอำนาจผ่านสื่อมาถึงเราได้ แม้ความตายจะพรากชีวิตไปแล้วก็ตาม และท่านล่ะมีประสบการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่

เรื่องนี้เณรไม่เกี่ยว

เคยสังเกตไหมว่าในบริเวณวัดเรามักจะพบว่า มีคำกลอนต่าง ๆซึ่งเป็นคติสอนใจติดไว้ตามต้นไม้
ฝาผนัง หรือ แม้แต่บนกระจกในห้องน้ำ กลอนบทที่ว่านี้คือ
“ บวชชีเพราะหนีรัก” น่าจะเป็นกลอนของนางชีนะ
“ อกหักเพราะรักชี” น่าจะเป็นบทกลอนของพระบวชใหม่
“ บวชมาหลายปี ยังไม่ได้ชีสักที” น่าจะเป็นกลอนของหลวงตานะ
“เรื่องนี้เณรไม่เกี่ยวเพราะเจี้ยวยังเล็ก” อันนี้ชัด .....น่าสงสารเณรนะ..รัก สี่ เส้า..
แต่มีกลอนต่ออีกวรรคหนึ่ง ว่า” เจี้ยวเล็กนี่ละ สเปกชี”

คู่ซี้บอดกับอ่าง

เพื่อนคือมิตรภาพที่ยั่งยืน ทำให้เกิดเป็นตำนานขึ้น ดังเรื่องนี้
อ่างเป็นคนพูดติดอ่างมาแต่กำเนิด เป็นเพื่อนรักกับบอดซึ่งมีสายตาที่บอดแต่กำเนิดเช่นกันทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
โดยบอดจะมีอ่างเป็นตาให้ วันหนึ่งบอดชวนอ่างไปพายเรือในลำคลองหอยนี่ ทั้งสองพากันลงเรือพายไปตามลำคลองอย่างสุขใจ
ขณะพายเรือไป มีสะพาน ขวางลำคลองอยู่ข้างหน้าระดับศรีษะ
อ่างร้องบอกบอด “ ตะ..ตะ...ตะ..” หัวของบอดก็โขกกับสะพาน พร้อมกับเสียงร้อง โอ้ย ! ของบอดและ เสียง “..พาน..”
ของอ่างซึ่งดังพร้อมพร้อมกัน
บอด ” ทีหลังแกพูดให้เร็วๆหน่อยซิ ข้าจะได้โดดลงน้ำทัน นี่หัวข้าปูดเป็นลูกมะกรูดเลยเห็นไหม”
อ่าง ” โท ..โทด..เพื่อน ถ้า.ถ้า ..ขะ ..ข้า ..พูด...ตะ....กะ..แก..โด..โดด..น้ำ..ละ ....เลย ...นะ”
เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสองก็พายเรือต่ออย่างเพลิดเพลิน
ขณะนั้นอ่างมองเห็น....ก็ตกใจ ร้อง “ ตะ...ตะ...ตะ..” บอดได้ยินรีบกระโดดน้ำทันที เสียงตูม!!
พร้อมกับเสียงของอ่างได้หลุดออกมาว่า “....เข้ ...”
บอด” อ๊ากกก????????”.

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กลอนพาไป

ในชั่วโมงภาษาไทยชั้นประถมห้าครูสมศรีสอนนักเรียนแต่งกลอนสี่ หล่อนขะมักเขม้นอธิบายผังกลอนสี่และวิธีแต่งกลอนจนคิดว่านักเรียนเข้าใจดีแล้ว
จึงให้นักเรียนทุกคนแต่งกลอนสี่มาส่ง นักเรียนตั้งใจแต่งกลอนจนสำเร็จ ครูสมศรีรวบรวมผลงานนักเรียนมานั่งตรวจอย่างสุขใจและภูมิใจในความสามารถของลูกศิษย์ ขณะที่เพลิดเพลินในการตรวจงานอยู่นั้น มาถึงผลงานของปื๊ด
เสียงครูสมศรีก็ดังขึ้น : อ๊าก เจ้าปื๊ด ตายยยยยย
ครูสมศรีเดินหน้าเขียวพร้อมด้วยอารมณ์โกรธ เดินฉับๆออกมาพร้อมกระดาษผลงานเจ้าปื๊ด บังเอิญเป็นโชคของเจ้าปื๊ดที่วิ่งมาพอดี
เจ้าปื๊ด : สวัสดีครับ
ครูสมศรี : เธอแต่งกลอนอะไรของเธอ ฮะ
พร้อมส่งงานของปื๊ดให้เจ้าของดู
เรื่องคุณครูของฉัน
ครูนกขี้บ่น ครูสุคนธ์สอนดี
ครูแมวจู้จี้ ครูสมศรี ..(หะหวี)..ใหญ่
ปื๊ดยืนตัวลีบ เมื่อมองเห็นหน้าครูสมศรีที่ดุดัน ยังพยายามพูดอธิบายว่า: กลอนมันพาไปอะครับ
ครูสมศรี : งั้นเธอถือกระดาษรอครูที่นี่ ห้ามไปไหน
แล้วครูสมศรีก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักครู่ก็เดินออกมา ด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป
พูดกับปื๊ดเสียงอ่อนหวานว่า: เอ้อ จริงของเธอนะปื๊ด เอาไป สิบเต็มสิบ
ปื๊ด : ????????