วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ด้วยรักและผูกพัน

ความรักคือความเสียสละ ความห่วงใยและความผูกพัน แม้ความตายยังไม่สามารถตัดความรักได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ฉันได้ประสบกับตนเองที่ยากจะลืม.........เดือนเมษายนช่วงฤดูแห่งความร้อนบริเวณบ้านพักครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองโดน ลูกหมาน้อยขนยาวหูตูบสีดำมันเกิดมากับพี่น้องซึ่งมันไม่เหมือนใครฉันจึงตั้งชื่อให้มันว่า เจ้าหมี อันที่จริงเจ้าหมีก็เหมือนหมาทั่วไปแต่ที่แปลกว่าหมาตัวอื่นๆก็เห็นจะเป็นแววตาที่มันมองฉัน ดูสดใสและมีความหมายว่าฉันดีใจ สุขใจที่เห็นหน้าเธอนะ ความรู้สึกบอกฉันอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งนับวันเมื่อเจ้าหมีโตขึ้นก็ยิ่งมีกิริยาอาการประหลาด เมื่อมันมีอายุประมาณ 5 เดือน มันพบหน้าฉัน ขณะที่ฉันถืออาหารมาให้ มันจะดีใจมากโดยแสดงการแยกเขี้ยวจนเห็นฟันและเหงือกของมันทั้งหมดและมีเสียงครางอี๊ดๆออกจากปากของมัน พร้อมกันนั้นหางที่เป็นพวงและก้นของมันก็ส่ายไปมาเหมือนกับเต้น ระบำยังไงยังงั้นทีเดียว มันแสดงกิริยาอาการอย่างนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าฉันและทุกคนในบ้านเท่านั้น(ลักษณะอย่างนี้ฉันเรียกว่าหมายิ้มเต้นระบำ) เจ้าหมีติดฉันมากไม่ว่าฉันเดินไปไหนมันจะเดินตามหาจนเจอ และนอนหลับอยู่ใกล้ ๆ เว้นแต่ฉันออกไปนอกรั้วโรงเรียน มันเป็นหมาที่ไม่ค่อยเห่า ใจดีแต่ขี้กลัวและตกใจง่าย มันชอบคนที่สุภาพแต่งตัวเรียบร้อยโดยเฉพาะชุดนักเรียน แต่จะกลัวคนที่แต่งตัวลุ่มล่าม ใส่กางเกงขาสั้น ดังเช่นเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง มีครูชายคนหนึ่งแกแต่งตัวใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่และใส่หมวกไหมพรมแบบไอ้โม่งแถมแกยังใส่รองเท้ายางแบบบู๊ทอีก เดินเข้ามาหาฉันที่บ้านพัก เจ้าหมีมองเห็นแล้วถอยหลังกรูดเหมือนมันจะไปแอบ จึงไม่สนใจ ครูชายคนนั้นยืนคุยกับฉันอยู่สักครู่ เผลอ ๆมีเสียงร้องตกใจจากครูคนนั้น โอ้ย! เจ้าหมีแอบงับขาเขาเข้าแล้ว ฉัน ต้องขอโทษเขาอย่างมากมาย โชคดีที่มันกัดไม่เข้าเพราะว่า แกใส่กางเกงขายาวอย่างหนานับว่าเป็นโชคดีของมันและของฉันด้วย และ อีกครั้งหนึ่งในบริเวณโรงเรียน จะบอกว่าเจ้าหมีเป็นหมาโรงเรียนก็ว่าได้ มันจึงชอบเครื่องแบบนักเรียนยังไงล่ะ อ่ะ เล่าต่อ ในวันหนึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งใส่กางเกงขาสั้นเข้ามาเพื่อจะมาขออนุญาตกับฉันเพื่อ ไปธุระกับคุณพ่อเขา เจ้าหมีเห็นยืนมองอยู่นาน แต่เด็กคนนี้คุ้นเคยกับมันดีจึงเดินเฉียดไปใกล้ ๆ เจ้าหมี เจ้าหมี งับขาทันที คราวนี้ถึงถลอกเลือดซิบเลย ฉันโมโหมันมาก พูดดุมันเสียงดัง เหมือนมันจะรู้นะ มันมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจและค่อยๆเดินหางตกหลบไป ฉันต้องปลอบเด็กคนนั้นเป็นการใหญ่ และขอโทษขอโพยคุณพ่อเขา เคราะห์ ดีที่คุณพ่อเขาเข้าใจ หลังจากนั้นมา ฉันต้องระวังมันมากขึ้น เจ้าหมีมักจะตามฉันไปโรงเรียนทุกวันไม่ว่าจะเดินไปไหนมันจะตามไปและก็จะนอนเฝ้า บางทีก็หลับไป ฉันจะเดินไปสอนนักเรียนตามชั้นต่าง ๆ เมื่อมันตื่นไม่เห็นฉันมันก็จะเดินตามหาฉันตามห้องที่ฉันเคยไปสอนเท่านั้น นี่ก็แปลกเหมือนกัน เมื่อพบครูคนอื่น เขาก็จะทักมันว่า” หาแม่ไม่เจอซิ โน่นเขาอยู่ห้องโน้น” จนเป็นที่ล้อเลียนว่าฉันมีลูกเป็นหมา เมื่อมันพบฉันมันก็จะแสดงท่าดีใจคือยิ้มและเต้นระบำส่ายก้นและหางไปมา จนครูที่เขาพบเห็นยังบอกว่าแปลกน่าจะพาไปออกทีวี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะเจ้าหมีกลัวที่จะออกนอกบ้านมาก มันตามฉันไปทุกที่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้นถ้าออกนอกเขตมันจะไม่ยอมเด็ดขาดมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันอยากพามันไปเที่ยวด้วย พยายามจับให้มันขึ้นมอเตอร์ไซด์ เมื่อรถวิ่งมาถึงหน้าประตูโรงเรียนมันก็โดดลงและวิ่งกลับบ้านทันที และเรื่องราวของเจ้าหมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากไปไหนอีกเลยก็คือ ฉันและครอบครัวไปเที่ยวทะเลกัน 2 วัน 2 คืน ทิ้งให้เจ้าหมีอยู่เฝ้าบ้านโดยฝากให้ภารโรงซื้ออาหารให้มันกิน เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูโรงเรียนฉันเห็นเจ้าหมีมาคอยรับอยู่มันดีใจส่งยิ้มและเต้นระบำกระโดดกอดอย่างไม่หยุดทีเดียว สายตาที่มองนั้นราวกับจะถามว่า”ไปไหนมานานจัง ฉันคิดถึงมากรู้ไหม” ภารโรงได้เล่าให้ฉันฟังถึงพฤติกรรมเจ้าหมีว่า ตั้งแต่วันที่ฉันไปเที่ยวเจ้าหมีไม่ยอมกินอาหารเลยมันออกมานอนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่เช้ามองดูรถคันแล้วคันเล่าจนกระทั่งเย็นมันก็เดินกลับมานอนที่บ้านและเช้าก็ออกไปนอนคอยใหม่ตลอด 2 วัน เขาบอกกับฉันว่า “ครูอย่าไปไหนหลายวันเลยเห็นแล้วสงลารและสมเพชมันมาก” ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวฉันก็ไม่ได้ไปไหนพร้อมกันเลยเพราะเป็นห่วงเจ้าหมีนี่แหละ และเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นช่วงที่ฉันจะจดจำอย่างไม่มี วันลืม
เจ้าหมีจะมีเพื่อนอยู่ตัวหนึ่งชื่อเจ้ามิ่งและมันจะเล่นกันเสมอ ฉันได้ย้ายจากบ้านพักในโรงเรียนมาปลูกบ้านอยู่ข้างนอก และเจ้าหมีก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นอายุมันก็ปาเข้าไป 14 ปีแล้ว จัดว่าเป็นหมาแก่เพราะฟันที่มันยิ้มให้เห็นก็หักหลายซี่แถมสายตาก็ไม่ดีแล้วสังเกตว่ามันเดินชนโน่น นี่เป็นประจำ เจ้าหมีไม่ได้ตามฉันไปโรงเรียนเพราะสังขารของมันแต่มันก็ะมีเพื่อนคือเจ้ามิ่งที่หนีจากโรงเรียนมาเล่นด้วยเสมอ และแล้ว วันหนึ่งถึงคราที่ฉันจะต้องสูญเสียมันไป ขณะที่ฉันกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหมา เจ้าหมี! ฉันอุทานและวิ่งออกมาดูที่นอกบ้าน เห็นเจ้าหมีนอนอยู่กลางถนนเจ้ามิ่งยังยืนอยู่ใกล้ๆ ฉันอุ้มเจ้าหมีเข้ามาในบ้าน มันหายใจ ขาดเป็นช่วง ๆไม่มีบาดแผลแต่รถมันคงทับกลางตัวมันเพราะมันมองไม่เห็นรถนั่น โธ่เอ๋ย! เจ้าหมีที่น่าสงสาร ฉันลูบไล้หัวมันเหมือนมันจะรับรู้ในสัมผัสนั้น มันร้องโหยหวนอีกครั้ง เหมือนกับจะบอกว่า” ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันรักเธอนะ ขอลาก่อน” และลมหายใจสุดท้ายก็หมดลง ฉันบอกกับมันว่าไปเถอะนะ หลับเถอะและขอให้แกไปเกิดเป็นคน และมีชีวิตที่ดีกว่านี้ พรุ่งนี้ฉันจะทำบุญให้และครอบครัวฉันก็นำมันไปฝัง รุ่งเช้าฉันก็ทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้มันและแล้วเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น
ฉันไปสอนหนังสือตามปกติ แต่เห็นเจ้ามิ่งหมาภารโรงมันเดินตาม ฉันไปสอนห้องไหนมันก็เดินตาม จนฉันแปลกใจ จึงได้พูดกับมันว่า “เจ้ามิ่ง แกเดินตามฉันทำไมฮะ” ให้ตายซิสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากก็คือสายตาของเจ้ามิ่งที่มองฉันนั้น สายตานั้นมันเหมือนเจ้าหมี และที่ทำให้ฉันตื่นเต้นที่สุดก็คือมันยิ้ม มันยิ้มได้ และทำกิริยาเหมือนเจ้าหมี ฉันขนลุกไปหมดฉันเดินไปหาเพื่อนครูและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ขณะที่เจ้ามิ่งยังเดินตามฉันอยู่ ฉันหันมาหาเจ้ามิ่งอีกครั้งมันยังส่งยิ้มให้ฉันอีกครั้ง ฉันบอกกับเพื่อนครูคนนั้นว่า “วิญญาณเจ้าหมีเข้าสิงเจ้ามิ่งแน่นอน เพื่อนยังบอกว่าเป็นไปได้เขาหัวเราะด้วยความแปลกใจ แต่เจ้ามิ่งก็ทำกริยาเดินตามฉัน เพียง 3 วันเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวฉันเองที่ฉันไม่เคยลืม บทสรุปนี้ฉันคิดเอาเองว่าความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นได้กับสิ่งมีชีวิตถึงแม้เป็นหมาความรักความผูกพันนั้นก็สามารถแสดงพลังอำนาจผ่านสื่อมาถึงเราได้ แม้ความตายจะพรากชีวิตไปแล้วก็ตาม และท่านล่ะมีประสบการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่

1 ความคิดเห็น:

  1. การอยู่เพื่อคนที่เรารักทำให้เรามีความสุขและอยากมีชีวิตอยู่ไปและชีวิตจะมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อเราแบ่งปันความรักให้แก่คนอื่นๆ

    ตอบลบ